วิ่งอย่างไรให้ลดไขมัน?

7/12/2017



     การวิ่งก็เป็นอีกวิธีที่เราจะสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายได้ และเป็นการออกกำลังกายที่ดีทีเดียว แต่จะวิ่งให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจะต้องมีความรู้เรื่องวิ่งบ้างนะคะ วันนี้ทาง Ariel ขอหยิบเทคนิคการวิ่งที่จะทำให้คุณวิ่งแบบไม่เสียเปล่ามาฝากกันค่ะ การวิ่งนั้นไม่ว่าเพื่ออะไรก็ตามแต่ผลที่ออกมามันก็คือการขยับร่างกายทำให้เราได้ออกกำลังกายบ้างเหมือนการเดิน การขยับร่างกาย แต่ถ้าคิดจะเอาไขมันส่วนเกินที่สะสมออกจากร่างกายแล้วนั้น ต้องทำให้ถูกต้องเท่านั้นค่ะ

1. ท่าวิ่งที่ทำให้ได้ออกแรงตามส่วนต่างๆ? ท่าวิ่ง: ที่ถูกต้องจะต้องใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ช่วยในการส่งตัว อย่าใช้เพียงแค่ขาหรือเท้าเท่านั้น จะต้องพยายามไม่ลงน้ำหนักทั้งหมดไปที่เท้ามากเกินไปขณะวิ่ง และถ้าเป็นการเริ่มต้นวิ่งจะต้องไม่หักโหม ไม่วิ่งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากจะทำให้เกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดอาการปวดได้

2. การหายใจ? หายใจเข้าทางจมูกเพื่อเอา Oxygen เข้าปอด หายใจออกทางปาก การควบคุมการหายใจสำคัญมากเพราะจะทำให้เราไม่เหนื่อยง่าย และความคุมระดับการวิ่งให้ได้ยาวนาน เสริมสร้างความอึดในการวิ่งและการทำงานของหัวใจให้คุ้นเคยกับการออกกำลังกายโดยการวิ่งอีกด้วย สำคัญ!!! ต้องฝึกให้หัวใจคุ้นชินกับความอึด ทนทาน อัตราการเต้นของหัวใจ ต้องอยู่ใน Maximum Heart Rate  zone2 คือ Zone 2: Fat burning *Heart Rate (อัตราการเต้นของหัวใจ) คือไม่เกิน 70% ของ max HR 220- (อายุของเรา) = อัตราการเต้นของหัวใจ  

3. เวลาการวิ่งที่ได้ประสิทธิภาพ? สำหรับผู้เริ่มต้นการวิ่งควร ฝึกให้ร่างกายชินกับการวิ่งก่อน โดยการเริ่มวิ่งเบาๆก่อน แล้วจึงค่อยเพิ่มเวลาให้นานขึ้นเรื่อยๆ สัปดาห์แรกให้เริ่มด้วยการวิ่ง 3 - 5 วันต่อสัปดาห์ครั้งละ 25 – 30 นาทีก่อน ในสัปดาห์ถัดมาก็ค่อยแทรกการวิ่งเข้าไป 30 – 40 นาที  ในการออกกำลังแต่ละครั้ง ใช้การเดินสลับวิ่ง และค่อยๆ เพิ่มเวลาในการวิ่งขึ้นมาในแต่ละครั้งโดยที่คุมเวลาไม่ให้เราเองต้องเหนื่อยหอบทำอย่างนี้ไปสัก 4-5 สัปดาห์ ร่างกายคุณจะแข็งแรงขึ้น และสามารถวิ่งได้ 30 นาทีโดยไม่หอบ หญิงสาวส่วนใหญ่มักจะคิดว่า การวิ่งออกกำลังมากๆ จะทำให้ขาใหญ่ก้นใหญ่น่องโต ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะจริงๆแล้ว เมื่อเริ่มวิ่งไปซักระยะหนึ่ง กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ จะแน่นขึ้น กระชับขึ้น อาจทำให้เกิดความรู้สึกว่ามันแน่น แลเหมือนจะขยายมากขึ้น แต่ความจริงคือ การวิ่งช้าๆ นานประมาณ 30-60 นาทีอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่แบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ไม่เกิดอาการปวด และไม่เป็นการเร่งสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาทดแทน จึงไม่ทำให้ขาใหญ่อย่างที่กังวล

ตัวอย่างถ้าเราอายุ 20 ปี220 – 20 = 200 และ 70% ของ 200 คือ 140 หมายความว่า การวิ่งต้องควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้คงที่อยู่ในช่วง 140 อัตราการเต้นของหัวใจ  ฝึกประคองให้อยู่ในโซนนี้ช่วยในเรื่องการฝึกเพิ่มความอึด ร่างกายเริ่มมีการดึงเอาไขมันมาใช้เผาผลาญมากขึ้น  
ดังนั้นการวิ่งเพื่อสุขภาพ ซึ่งจะเป็นการวิ่งอาทิตย์ละ 3-4 ครั้งครั้งละประมาณ 30-60 นาที ที่ไม่ได้ใช้ความเร็วสูงมากปัญหาเรื่องน่องใหญ่ หรือสะโพกใหญ่ จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากแต่สิ่งที่จะได้รับคือ กล้ามเนื้อน่อง และกล้ามเนื้อต้นขาที่แข็งแรงสามารถเคลื่อนไหวได้ทนและนานขึ้นหลักการสำคัญสิ่งหนึ่งของการเริ่มต้นการวิ่งอย่างถูกต้อง คือควรตรวจเช็คอัตราการเต้นของหัวใจ การเช็คชีพจรของตัวเองเป็นประจำทุกวัน เป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถป้องการอาการบาดเจ็บจากการวิ่งได้

อาละค่ะสาวๆคนไหนที่เตรียมพร้อมที่จะลดน้ำหนักจากการวิ่งนั้นก็คงหมดกังวล และเริ่มต้นวิ่งกันได้แล้ว ทาง Ariel ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนในการที่จะรักษาสุขภาพให้แข็งแรงตลอดไปนะคะ

ขอบคุณที่มา: Core succeed System: Define Your Prime Program, www.supersports.co.th, www.stepextra.com

You Might Also Like

0 Comments


CATEGORIES

TOTAL PAGEVIEWS


ABOUT ME

ABOUT ME
เราเองก็เป็นหนึ่งในคนไทยที่หลงใหลในการท่องเที่ยว รักสวยรักงาม เหมือนผู้หญิงทั่วไปค่ะ และโดยเฉพาะเรื่องกินนี่ที่หนึ่งเลย จึงอยากจะแชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เราได้ไปเจอมาให้เพื่อนหลาย ๆ คนได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เราสนใจร่วมกันนะจ๊ะ